“บิ๊กเน” ประกาศยุทธศาสตร์ปี 2020 ในคอนเซ็ปต์ “TOGETHER WE GROW” กลับคืนสู่บัลลังก์แชมป์

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศยุทธศาสตร์องค์กรปี 2020 ย้ำจะไม่ผิดพลาดเหมือนฤดูกาล 2019 พร้อมขับเคลื่อนสู่แชมป์ไทยลีก และประกาศกร้าวคว้าแชมป์เอฟเอคัพ เพื่อตอบแทน “ช้าง” ผู้สนับสนุนหลัก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “TOGETHER WE GROW : เราจะโตไปด้วยกัน” รับปีที่ผ่านมาตนตัดสินใจผิดพลาด พร้อมหาดาวยิงมาเสริมทัพในดูกาลนี้ล่าตาข่ายเรียกศรัทธาคืนและให้แฟนบอลสะใจ มั่นใจเสริมทัพทุกขุมกำลังดีกว่าฤดูกาลที่แล้วแน่นอน

 

นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด และประธานที่ปรึกษา บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด กล่าวถึงการสู้ศึกฤดูกาล 2020 ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ว่า “ความผิดพลาดในฤดูกาลที่ผ่านมา เราจะไม่ให้เกิดขึ้นในฤดูกาล 2020 แน่นอน เราต้องกลับมาอยู่ในที่ของเรา ต้องเป็นแชมป์ไทยลีกให้ได้ก่อนเป็นอย่างแรก ในฤดูกาลที่ผ่านมาต้องบอกว่า ไม่ใช่ความผิดพลาดของกุนซือ โบซิดาร์ บันโดวิช นะครับ แม้เราจะเสียแชมป์ด้วยเฮดทูเฮด แต่แต้มเท่ากัน ในสภาพทีมซึ่งต้องยอมรับว่าปีที่ผ่านมาเราพิการมาก เราพึ่งพานักเตะไทยอย่างเดียว กลายเป็นนักเตะไทยแบกผู้เล่นต่างชาติในปีที่ผ่านมา”

ผู้สื่อข่าวถามถึงอนาคตของ โบซิดาร์ บันโดวิช ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป นายเนวิน เปิดเผยว่า “สิ่งที่ บันโดวิช ทำให้เราก็มาก เพราะมันทำให้เราได้นักเตะอย่าง สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หรือศุภชัย ใจเด็ด รวมถึง อิรฟาน ดอเลาะ สิ่งที่เขาทำให้บุรีรัมย์ ถือว่าผมรับได้ ในขณะที่ทีมของเรา กองหน้าต่างชาติพิการแบบนี้ และ ผู้เล่นโควตาเอเชียเองก็ไม่ได้แตกต่างจากนักเตะไทย เรายังคงประคองทีมจนจบคะแนนเท่ากับแชมป์ไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ความผิดของ “บอสโก้” ปีหน้าแฟนบอลจะเห็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในรูปแบบใหม่ ผมเชื่อว่าจะแกร่งกว่าเดิม ด้วยตัวผู้เล่นจาก อาร์เจนติน่า, บราซิล และเกาหลีใต้ ผมเชื่อว่าบอลไทยในปีหน้าจะสนุกกว่านี้ แต่จะสนุกแบบไหนไม่รู้ แต่เหตุการณ์แบบปีที่แล้ว จะต้องไม่เกิดขึ้นกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีก”

 

ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดเผยต่ออีกว่า “ตอนนี้ทีมของเราเก็บตัวช่วงปรีซีซั่นมาแล้ว 3 วัน เรื่องของนักเตะเวลานี้ ทุกอย่างถือว่าลงตัวเกือบหมดทุกตำแหน่ง ในส่วนของผู้เล่นต่างชาติจากฤดูกาลก่อน จะเหลือเพียง อันเดรส ตูเญซ กองหลังชาวเวเนซูเอล่า เพียงรายเดียวเท่านั้น ทำให้เราต้องเสริมทัพใหม่ในตำแหน่งกองหน้าซึ่งก็ได้ แบร์นาร์โด้ คูเอสต้า ดาวยิงชาวอาร์เจนติน่า และศูนย์หน้าชาวบราซิล มาร่วมทีม นอกจากนี้ล่าสุดยังได้ จอง แจ ยอง กองกลางตัวรับชาวเกาหลีใต้ จาก โปฮัง สตีลเลอร์ส มาเพิ่มในโควตาเอเชีย”

 

“ส่วนตัวก็ยังเชื่อว่าขุมกำลังใหม่ในครั้งนี้ จะดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน ส่วนเป้าหมายในฤดูกาลหน้า แน่นอนเราหวังแชมป์เหมือนเดิม แต่จะไม่พูดว่ากี่แชมป์ นอกจากนี้ในส่วนของการลงเตะ ฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2020 (ACL) รอบเพลย์ออฟ ที่มีโปรแกรมจะต้องเปิดบ้านพบกับ โฮจิมินห์ ซิตี้ เอฟซี ในวันที่ 21 มกราคม 2563 ศกนี้นั้น ที่ผ่านมาเราแพ้เวียดนาม มาตลอดในช่วงหลัง เกือบทุกชุด อยากจะบอกว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขอเป็นตัวแทนจากประเทศไทย ที่จะจัดการเอาคืนแบบทบต้นทบดอกให้เองในการเจอกันครั้งนี้ เป้าหมายของเราคือการชนะเท่านั้น ส่วนรอบต่อไปที่จะเจอกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี จากจีน ก็มาวัดกัน ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”

นอกจากนี้ “ลุงเน” ยังเปิดเผยถึงนักเตะของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะมีชื่อติดทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทำศึกชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะมีโปรแกรมตรงกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะเล่นเอเอฟซี แชมปเปียนส์ลีก เพลย์ออฟ รอบที่ 3 ที่จะเจอกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ว่า “ผมได้คุยกับท่านนายกสมาคมฟุตบอล ได้หารือกัน ได้พูดถึง ยู23 แล้วว่า ถ้าทีมชาติไทย ไม่ผ่านรอบแรก ก็ไม่ใช่ปัญหาของ บุรีรัมย์ แต่ถ้าผ่านรอบแรกไปได้ก็เป็นปัญหาของ บุรีรัมย์ ถ้ามันไปถึงตรงนั้นได้ บุรีรัมย์ ยอมให้นักเตะไปเล่นกับทีมชาติไทย เราจะลงสนามในรอบเพลย์ออฟโดยไม่มีนักเตะทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ผมก็ภาวนาขอให้ ช้างศึก ผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้ ผมอยากให้ไทยไปเล่นฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ ถ้านักเตะเราสามารถช่วยให้ทีมชาติไทย ผ่านไปได้ บุรีรัมย์ พร้อมปล่อยนักเตะเล่น และบุรีรัมย์ จะเล่น เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2020 เพลย์ออฟ แบบไม่ใช้เด็ก ผมยืนยันนะครับว่า ชาติมาก่อนสโมสรเสมอครับ” นายเนวิน กล่าวปิดท้าย

Visitors: 5,033,092