ตลาดรถยนต์พฤศจิกายน 2566 คัน รถเก๋งโต 21.2% ส่วนปิกอัพติดลบ 38.8%

ตลาดรถยนต์พฤศจิกายนยังชะลอตัวต่อเนื่อง 9.8% ยอดขาย 61,621 คัน รถเก๋งโต 21.2% สวนทางปิกอัพหดตัว 38.8% รอลุ้นปัจจัยบวกยอดจองจากงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

 

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 ด้วยยอดขาย 61,621 คัน ลดลง 9.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์นั่งเติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 24,567 คัน เติบโต 21.2% ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สวนทางด้วยยอดขาย 37,054 คัน ลดลง 22.8% ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยังไม่ฟื้นตัวด้วยยอดขาย 22,104 คัน ลดลง 39.1%

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มาจากสภาพเศรษฐกิจ โดยภาพรวมของตลาดรถยนต์พฤศจิกายนยังชะลอตัวต่อเนื่องที่ 9.8% ด้วยยอดขาย 61,621 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 21.2% ด้วยยอดขาย 24,567 คัน โดยอีโคคาร์เป็นเพียงเซกเมนท์เดียวที่มีการเจริญเติบโตที่ 32.2% ด้วยยอดขาย 18,783 คัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องที่ 22.8% ด้วยยอดขาย 37,054 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน หดตัวถึง 39.1% ด้วยยอดขาย 22,104 คัน ปัจจัยหลักเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่เติบโตได้ตามที่คาดการ ความมั่นใจผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว โดยมีอุปสรรคสำคัญคือความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ อันเป็นผลมาจากความกังวลต่อความสามารถในการผ่อนชำระของผู้รับสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน

ตลาดรถยนต์ธันวาคมมีความหวังฟื้นตัวขึ้นตามฤดูกาลขาย “High season” โดยมีความหวังสำคัญคือแคมเปญกระตุ้นตลาดช่วงสุดท้ายของปีในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 ซึ่งสามารถกวาดยอดจองรถทุกยี่ห้อในงานตลอด 14 วัน ได้ถึง 53,248 คัน เติบโตขึ้นถึง 45.17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่ายอดจองเหล่านี้จะมาผลักดันตลาดรถยนต์เดือนธันวาคมให้เติบโตขึ้นได้มากน้อยเพียงใด

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2566

 

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 61,621 คัน ลดลง 9.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      21,700 คัน      ลดลง 11.6 %   ส่วนแบ่งตลาด 35.2%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          10,415 คัน      ลดลง 37.1%    ส่วนแบ่งตลาด 16.9%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      7,328 คัน        เพิ่มขึ้น 0.0%    ส่วนแบ่งตลาด 11.9%

 

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 24,567 คัน เพิ่มขึ้น 21.2%                                 

อันดับที่ 1 โตโยต้า      7,512 คัน        ลดลง 10.6%    ส่วนแบ่งตลาด 30.6%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า      3,928 คัน        ลดลง 11.5%    ส่วนแบ่งตลาด 16.0%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      872 คัน         ลดลง 41.4%    ส่วนแบ่งตลาด 3.5%

 

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 37,054 คัน ลดลง 22.8%                               

อันดับที่ 1 โตโยต้า      14,188  คัน     ลดลง 12.1%    ส่วนแบ่งตลาด 38.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           10,415 คัน      ลดลง 37.1%    ส่วนแบ่งตลาด 28.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      3,400 คัน       เพิ่มขึ้น 17.6%  ส่วนแบ่งตลาด 9.2%

 

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 22,104 คัน ลดลง 39.1%                     

อันดับที่ 1 อีซูซุ            9,377 คัน        ลดลง 39.0%    ส่วนแบ่งตลาด 42.4%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      8,544 คัน        ลดลง 37.3%    ส่วนแบ่งตลาด 38.7%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        2,324 คัน        ลดลง 51.6%    ส่วนแบ่งตลาด 10.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,251 คัน

อีซูซุ 1,500 คัน – โตโยต้า 1,422  คัน - ฟอร์ด 845  คัน – มิตซูบิชิ 406  คัน – นิสสัน 78 คัน

 

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 17,853 คัน ลดลง 38.8%                               

อันดับที่ 1 อีซูซุ            7,877 คัน        ลดลง 38.3%    ส่วนแบ่งตลาด 44.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      7,122 คัน       ลดลง 36.2%    ส่วนแบ่งตลาด 39.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        1,479 คัน       ลดลง 56.8%    ส่วนแบ่งตลาด 8.3%

 

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม –พฤศจิกายน 2566

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 707,454 คัน ลดลง 7.7%                             

อันดับที่ 1 โตโยต้า       241,844 คัน   ลดลง 6.5%     ส่วนแบ่งตลาด 34.2%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            141,671 คัน   ลดลง 27.1%    ส่วนแบ่งตลาด 20.0%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       84,516 คัน    เพิ่มขึ้น 13.4%  ส่วนแบ่งตลาด 11.9%

 

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 266,365 คัน เพิ่มขึ้น 10.8%                               

อันดับที่ 1 โตโยต้า        92,034 คัน   เพิ่มขึ้น  24.7%  ส่วนแบ่งตลาด 34.6%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า        51,297 คัน   ลดลง   8.2%   ส่วนแบ่งตลาด 19.3%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ         14,291 คัน   ลดลง  26.1%   ส่วนแบ่งตลาด 5.4%

 

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 441,089 คัน ลดลง 16.2%                   

อันดับที่ 1 โตโยต้า       149,810 คัน    ลดลง 18.9%    ส่วนแบ่งตลาด   34.0%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            141,671 คัน   ลดลง 27.1%    ส่วนแบ่งตลาด   32.1%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       33,219 คัน    เพิ่มขึ้น 78.2%  ส่วนแบ่งตลาด   7.5%

 

 

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 301,001 คัน ลดลง 26.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           127,260 คัน     ลดลง 29.0%    ส่วนแบ่งตลาด   42.3%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      118,075 คัน     ลดลง 25.1%    ส่วนแบ่งตลาด   39.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         33,636 คัน    ลดลง 11.6%    ส่วนแบ่งตลาด   11.2%

 

 *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 55,806 คัน

โตโยต้า 20,318 คัน - อีซูซุ 19,531 คัน – ฟอร์ด 10,963 คัน – มิตซูบิชิ 3,930 คัน – นิสสัน 1,064 คัน

 

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 245,195, คัน ลดลง 30.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ            107,729 คัน     ลดลง  33.3%   ส่วนแบ่งตลาด 43.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      97,757 คัน      ลดลง  26.4%   ส่วนแบ่งตลาด 39.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        22,673 คัน      ลดลง  24.0%   ส่วนแบ่งตลาด  9.2%    

Visitors: 5,034,957