ศุภาลัย เปิดบิ๊กแคมเปญ Standard ดี Quality เดียวกัน เผยกุญแจสู่ความสำเร็จ

“ศุภาลัย” เปิดบิ๊กแคมเปญ “Standard ดี Quality เดียวกัน” เผยกลยุทธ์กุญแจแห่งความสำเร็จตลอด 34 ปี พร้อมเดินหน้าตอกย้ำจุดแข็งแบรนด์  “SUPALAI” มอบบ้านมาตรฐานดีทุกหลังเพื่อความสุขของผู้อยู่อาศัยทั่วประเทศ อีกทั้งเผยความสำเร็จในการบุกตลาดอสังหาฯ ในหัวเมืองจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภาคของไทย วางเป้าหมายสู่ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับชาติ พร้อมเปิดตัว “โบว์-เมลดา สุศรี” พรีเซ็นเตอร์คนแรกของศุภาลัย ซูเปอร์สตาร์ขวัญใจคนไทยทุกเจเนอเรชัน ที่จะมาสื่อสารภาพลักลักษณ์สะท้อนมาตรฐานดีของบ้านศุภาลัยที่ตอบโจทย์ทุกความแตกต่างและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งศุภาลัยถือเป็นบริษัทอสังหาฯ อันดับแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการในหัวเมืองจังหวัดต่างๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นในหัวเมืองภูมิภาค 2 จังหวัด ได้แก่ สงขลา และขอนแก่น หลังจากนั้นกระจายการลงทุนไปยังจังหวัดอื่นๆ มายาวนานกว่า 34 ปี พัฒนาโครงการครอบคลุมกว่า 28 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ) ซึ่งพัฒนาโครงการในหัวเมืองภูมิภาคไปแล้ว รวมทั้งหมด 161 โครงการ หรือประมาณ 36,000 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 118,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ทุกจังหวัดได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม อีกทั้งยังมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี และสามารถปิดการขายแบบเต็มจำนวนทั้งหมด เนื่องจาก “SUPALAI” เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีความแข็งแกร่งทางการเงิน ประกอบกับแต่ละโครงการได้ออกแบบด้วยความเข้าใจ และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ยังเน้นคัดสรรทำเลศักยภาพที่สอดคล้องกับความชื่นชอบของลูกค้า ทั้งติดถนนใหญ่ โครงการริมแม่น้ำ ติดภูเขา หรือทะเลสาบขนาดใหญ่ ทั้งในเมืองและชานเมือง รวมถึงบ้านจัดสรรและอาคารชุด เป็นต้น อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาโครงการเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับการอยู่อาศัยของลูกบ้านทั่วประเทศ

สำหรับกลยุทธ์ที่เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จให้ของ “ศุภาลัย” ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประกอบด้วย

1.มีสินค้าที่หลากหลาย มีทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์, ทาวน์โฮม, คอนโดมิเนียม เป็นต้น

2.การเลือกทำเลที่ดีและเหมาะสม เหมาะกับการอยู่อาศัย และการเดินทางสะดวก พร้อมทั้งมีสาธารณูปโภคครบถ้วน

3.มีความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในการออกผลิตภัณฑ์มาตอบสนองความต้องการได้อย่างถูกต้องตรงกับความต้องการทุกกลุ่มเป้าหมาย

4.สร้างความเชื่อมั่นในทุกบริการด้วยการ โดยได้รับมาตรฐาน ISO 9001 : 2015

5.มีความแข็งทางการเงิน ทำให้มีต้นทุนทางอัตราดอกเบี้ยต่ำ

6.บมจ.ศุภาลัย ได้รับการจัดอันดับจาก ทริสเรทติ้ง ระดับ “A” ติดต่อกันต่อเนื่องมาหลายปี ในฐานะองค์กรที่มีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

7.มีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำ (Economy of Scale) สืบเนื่องจากมีโครงการจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองต่างจังหวัดทั่วประเทศไทย มีการเฉลี่ยต้นทุนรายจ่ายที่คงที่ในระยะเวลานานกว่า

8.ขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์

9.มีความน่าเชื่อถือ เพราะตลอดระยะเวลา ศุภาลัยได้ดำเนินธุรกิจที่ยึดมั่นในธรรมาภิบาลมาโดยตลอด และมีการคืนกำไรให้กับสังคมจากกิจกรรม CSR ต่างๆ หลากหลายโครงการ

10.เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความสามารถ และมีส่วนร่วมในการออกแบบบ้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2566 โครงการภูมิภาคของศุภาลัยสามารถกวาดยอดขาย 7,784 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับยอดขายครึ่งปีแรกของ 2565 โดยแบ่งเป็นยอดขายกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม 570 ล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 72% และโครงการแนวราบ 7,214 ล้านบาท ที่เติบโตขึ้น 6% หรือคิดเป็นสัดส่วนยอดขายที่มาจากตลาดภูมิภาคเท่ากับ 45% โดยจังหวัดที่ขายดีในอันดับต้นๆ คือ ภูเก็ต ชลบุรี สงขลา ระยอง และเชียงใหม่ พร้อมลุยเต็มกำลังตามแผนพัฒนาโครงการ 5 จังหวัดใหม่ภายในปี 2566 ได้แก่ ลำพูน ลำปาง นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรี นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจังหวัดที่จัดซื้อที่ดินแล้วแต่ยังไม่ได้พัฒนาโครงการ ซึ่งจะทำให้ศุภาลัยมีโครงการครอบคลุมกว่า 31 จังหวัดภายใน 2 ปีข้างหน้านี้

ด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้อยู่อาศัย ถือเป็นกุญแจหลักสำคัญสู่ความสำเร็จของแบรนด์ โดยศุภาลัยมีแบบบ้านกว่า 100 แบบบ้านที่มีการพัฒนาตลอดเวลาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมอยู่อาศัยของลูกค้า ซึ่งในแต่ละจังหวัดได้คัดสรรแบบบ้านที่เหมาะสมกับพื้นที่ จากความแตกต่างของแต่ละทำเล รวมถึงให้ความสำคัญของบรรยากาศที่ดีและเหมาะแก่การอยู่อาศัย โดยสิ่งสำคัญ คือ Economy of Scale ในทุกจังหวัด มุ่งพัฒนาอย่างน้อย 3-10 โครงการในแต่ละจังหวัด ตลอดจนยังมีการขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างออสเตรเลียมาอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปีอีกด้วย

ทั้งนี้ นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ยังเผยต่อว่า การดึง “โบว์-เมลดา สุศรี” นั่งแท่นเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของศุภาลัย ถือเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์ครั้งสำคัญของแบรนด์ “ศุภาลัย” เพื่อย้ำถึงจุดยืน “Standard ดี Quality เดียวกัน” โดย โบว์-เมลดา ไม่เพียงเป็นที่รู้จักและเข้าถึงคนไทยทุกเจเนอเรชันทั่วประเทศเท่านั้น แต่ยังมีตัวตนที่สะท้อนความเป็นกันเอง และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสื่อถึงความเป็นแบรนด์ศุภาลัยได้อย่างเหมาะสมมากที่สุดในฐานะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจทุกความแตกต่าง หลากหลาย และเข้าถึงใจคนไทยทั่วประเทศ

สำหรับไฮไลท์ภายในงานเปิดแคมเปญ “Standard ดี Quality เดียวกัน” นอกจากการเปิดตัว “โบว์-เมลดา สุศรี” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์แล้ว ยังได้ชูมาตรฐานบ้านศุภาลัยทั้งคุณภาพการก่อสร้าง และการบริการที่ดีผ่าน 5 โซน ที่เปิดให้สัมผัสมาตรฐานบ้านศุภาลัยในทุกฟังก์ชันที่ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ภาคไหน ก็ได้มาตรฐานเดียวกันทุกหลัง  สะท้อนแนวคิด “Standard ดี Quality เดียวกัน” ซึ่งเป็นจุดแข็งของบ้านของศุภาลัยที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิตของคนในทุกจังหวัด พร้อมเปิดตัวผู้นำภูมิภาค ตอกย้ำการให้ความสำคัญในมาตรฐานบ้านทุกหลังเท่ากันทั่วประเทศ

นายไตรเตชะ เผยเพิ่มเติมถึง 5 จุดแข็งที่ศุภาลัยยึดมั่นเพื่อเสริมแกร่งบ้านศุภาลัยว่า “ศุภาลัยยึดมั่นมาตลอดว่ามาตรฐานของบ้านที่ดี ส่งผลต่อการใช้ชีวิตที่ดีเช่นเดียวกัน โดยเราตั้งมั่นเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่คิดจากชีวิตจริง ผ่านการชู 5 มาตรฐานเริ่มต้นจาก มาตรฐานการออกแบบบ้าน ที่จัดพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว รวมถึงเน้นโครงสร้างบ้านให้อากาศถ่ายเทและมีลมโกรก สะท้อนการออกแบบบนพื้นฐานการเข้าใจชีวิตจริงของคนไทย นอกจากนี้ มาตรฐานการก่อสร้างที่ดี ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราใส่ใจต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งทุกโครงการได้รับรองมาตรฐานสากล ISO 9001 : 2015 ซึ่งออกแบบถูกต้องตามกฎหมาย และมาตรฐานวิชาชีพ พร้อมทั้งใช้วัสดุต่างๆ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เน้นการออกแบบเป็นบ้านประหยัดพลังงาน เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าของผู้อยู่อาศัย พร้อมกันนี้ ศุภาลัยยังให้ความมั่นใจในด้านมาตรฐานการบริการหลังการขาย ที่ไม่ทอดทิ้งลูกบ้านตลอดการอยู่อาศัยที่ติดต่อได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งปัญหาและการซ่อมต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน SABAI ติดต่อขอคำปรึกษาผ่าน LINE OA “SUPALAI CARE” ให้ลูกบ้านรวมถึงบุคคลทั่วไป สามารถขอคำแนะนำเรื่องการซ่อมแซม การดูแลบำรุงรักษาบ้านและคอนโดฯ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย หรืออื่นๆ เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวคอยดูแล 24 ชั่วโมง พร้อมช่องทางหลัก Contact Center 1720 คอยรับเรื่องแจ้งซ่อม แจ้งปัญหา และให้คำแนะนำเรื่องที่อยู่อาศัยแก่ลูกบ้านที่อยู่ในระยะประกัน

นอกจากนี้ยังมี มาตรฐานการดูแลจากบุคลากรจริงในพื้นที่ ที่ไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคใด ก็สามารถดูแลด้วยความเข้าใจและเข้าถึงลูกบ้านในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ มาตรฐานความปลอดภัย โดยศุภาลัยมอบความอุ่นใจให้ลูกบ้านทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สามารถให้ความช่วยเหลือและดูแลตลอด 24 ชั่วโมง”

จากจุดยืนตลอดกว่า 34 ปีของศุภาลัยที่มุ่งมั่นสร้าง “Standard ดี Quality เดียวกัน” ให้กับบ้านทุกหลัง ทำให้ในวันนี้ศุภาลัยประสบความสำเร็จด้วยยอดขายอันดับ 1 ในตลาดภูมิภาค โดยสำหรับครึ่งปีหลังนี้ ศุภาลัยได้มุ่งเดินหน้าบุกตลาดอสังหาฯ สู่หัวเมืองจังหวัดต่างๆ ในทุกภาค พร้อมก้าวสู่เป้าหมายบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับชาติต่อไป

Visitors: 5,034,919