GWM เผยสเปกจัดเต็มของ NEW GWM TANK 500 DIESEL
GWM เปิดสเปกจัดเต็มของ NEW GWM TANK 500 DIESEL หรูหรา สง่างาม และสะดวกสบาย มอบนิยามใหม่ของ PPV พรีเมียมอัจฉริยะ พร้อมรุ่นย่อยสุดดุดัน “Black Warrior”
กรุงเทพฯ 7 กรกฎาคม 2568 – GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด เผยสเปกพรีเมียมและอัจฉริยะแบบรอบด้าน รวมถึงสมรรถนะทรงพลังของเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ใน NEW GWM TANK 500 DIESEL ที่ให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยม สานต่อความสำเร็จต่อเนื่องจาก NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากบรรดา TANKER ชาวไทยทั่วประเทศ นอกเหนือจากเครื่องยนต์ดีเซลใหม่และลุคพรีเมียมที่หล่อ ดุดัน ด้วยสีใหม่อย่าง Black Warrior แล้ว NEW GWM TANK 500 DIESEL คือ ยนตรกรรมที่พร้อมมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะแบบครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.) ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน 2.) ความสบายเหนือระดับด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย 3.) เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัย และ 4.) ความปลอดภัยที่อัดแน่นสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ทั้งเพื่อธุรกิจ การเดินทางกับครอบครัว หรือทริปผจญภัย โดย NEW GWM TANK 500 DIESEL คือ นิยามมาตรฐานใหม่ของรถ PPV 7 ที่นั่ง ระดับโลกอย่างแท้จริง
NEW GWM TANK 500 DIESEL พร้อมลบภาพจำเดิมของรถดีเซล PPV อย่างสิ้นเชิง ทั้งเสียงดัง แรงสั่นสะเทือน และการสิ้นเปลืองด้วยขุมพลังดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ เทอร์โบแปรผัน (VGT), หัวฉีดแรงดันสูง 2,000 บาร์, ระบบ EGR อิเล็กทรอนิกส์ และเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่เปลี่ยนเกียร์สูงได้แม้ในความเร็วต่ำ ผลลัพธ์คือการส่งกำลังที่ลื่นไหล ตอบสนองทันใจ พร้อมให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ที่มาในรอบต่ำเพียง 1,500–2,500 รอบ/นาที ขับขี่คล่องตัวทั้งในเมือง นุ่มนวลเมื่อเร่งแซง และมั่นคงบนทางไกล
NEW GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่
•รุ่น NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T PRO
•รุ่น NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T ULTRA*
•รุ่น NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T ULTRA 4WD*
(*ทั้ง ULTRA และ ULTRA 4WD มาพร้อมสีพิเศษ Black Warrior)
พร้อมตัวเลือกสีภายนอก 3 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีเทา และรุ่นตกแต่งพิเศษ Black Warrior (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD) ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำสุดหรู ตอกย้ำตัวตนของยนตรกรรมที่หลอมรวมความพรีเมียมเหนือระดับไว้อย่างลงตัว เพื่อยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด PPV อย่างแท้จริง
นอกจากสมรรถนะที่น่าทึ่ง NEW GWM TANK 500 DIESEL ยังมาพร้อมมิติตัวถังขนาดใหญ่สะดุดตา กว้าง 1,934 มม. ยาว 4,886 มม. สูง 1,905 มม. และระยะฐานล้อ 2,850 มม. เสริมภาพลักษณ์ของรถ PPV หรูหราที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งและมั่นคงในทุกมิติ โดยในรุ่น 2.4T PRO มาพร้อมล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว จับคู่กับยาง Westlake ขนาด 265/60 R18 พร้อมยางอะไหล่ ขณะที่รุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD ยกระดับขึ้นอีกขั้นด้วยล้ออัลลอยสีดำขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20 และยางอะไหล่เช่นกัน
4 นิยามใหม่ของยนตรกรรมพรีเมียมระดับผู้นำ กับ NEW GWM TANK 500 DIESEL
•ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน: NEW GWM TANK 500 DIESEL ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสะท้อนถึงความหรูหราและความทันสมัย ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนัง Nappa ที่ให้สัมผัสนุ่มนวลและหรูหราอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันจอ 14.6 นิ้ว Touch screen infotainment ขนาดใหญ่ก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถควบคุมทุกฟังก์ชันได้อย่างง่ายดายและทันสมัย การติดตั้ง Multi-color ambient lighting ช่วยเพิ่มบรรยากาศสุดพิเศษภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับเปลี่ยนสีแสงได้ตามความต้องการ ระบบเสียงระดับพรีเมียมจากลำโพง 12 ตัว พร้อมระบบ Surround sound ให้ได้สัมผัสประสบการณ์เสียงที่ลึกซึ้งและชัดเจนที่สุด พร้อมการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกด้วยกระจกสองชั้นแบบ Double Layer Laminated Glass ที่ทำให้การเดินทางเงียบสงบไร้กังวล นอกจากนี้ ระบบ Active Noise Cancellation (ANC) ยังช่วยลดเสียงรบกวนเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นประสบการณ์ที่เหนือระดับ
•ความสบายเหนือระดับ: มอบความสบายเหนือระดับด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยในรุ่น 2.4T ULTRA และ ULTRA 4WD เริ่มต้นด้วยเบาะที่นั่งสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบ Welcome Seat, Massage Seat และ VIP Switch ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการปรับเบาะให้เหมาะสมตามสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และระบบเบาะระบายอากาศทั้งในที่นั่งแถว 1 และแถว 2 (เฉพาะรุ่น ULTRA 4WD) ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง ห้องโดยสารกว้างขวางยิ่งขึ้นด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,850 มม. และ พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ 795 ลิตร ทำให้สามารถจัดเก็บสัมภาระได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกลหรือท่องเที่ยว พร้อมด้วย ซันรูฟพาโนรามา ที่ช่วยเติมเต็มความโปร่งสบายให้ห้องโดยสาร นอกจากนี้ เทคโนโลยีความบันเทิงภายในรถได้รับการออกแบบให้ทันสมัยด้วยหน้าจอสัมผัสที่รองรับมัลติมีเดียได้อย่างครบครัน พร้อมระบบเสียงรอบทิศทางที่มีลำโพงถึง 12 ตำแหน่ง (รุ่น PRO 8 ตำแหน่ง) เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่สมจริงและเต็มอิ่ม ห้องโดยสารยังมีระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา และระบบปรับอากาศด้านหลัง พร้อมด้วยระบบกรองอากาศ N95 และ ระบบ ionizer ที่ช่วยฟอกอากาศและสร้างบรรยากาศที่สดชื่นภายในรถ เพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับด้วยม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้โดยสาร
•เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัย: เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น เริ่มจากหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และ หน้าจอสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว ที่รองรับระบบ Smart Dual Screen Interaction ช่วยให้การใช้งานทั้งสองจอมีความสะดวกและเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมี Windshield Head-Up Display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่บนหน้ากระจกเพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ผู้ขับขี่ยังสามารถเพลิดเพลินกับ Wireless Charging ขนาด 50 วัตต์ ที่ด้านหน้า และระบบกล้องแสดงภาพ 540 องศา (กล้อง 360 องศา และระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ) เพิ่มความสะดวกในการมองเห็นรอบทิศทางอย่างครบถ้วน ระบบการควบคุมรถจากทางไกลผ่านแอปพลิเคชัน GWM และระบบสั่งงานด้วยเสียง ช่วยให้การควบคุมรถง่ายและทันสมัย สำหรับรุ่น 2.4T PRO และ ULTRA มาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดประหยัด สำหรับรุ่น 2.4T ULTRA 4WD มีโหมดการขับขี่ทั้งหมด 8 โหมด ได้แก่ โหมด 2H 4H 4L โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ พร้อมฟีเจอร์ออฟโรดสุดล้ำ เช่น Tank Turn ที่ช่วยให้การกลับรถในที่แคบเป็นเรื่องง่าย, Off-road Cruise Control, และ ระบบล็อกเฟืองหน้า-หลัง ให้คุณมั่นใจในทุกเส้นทาง สำหรับการจอดรถ NEW GWM TANK 500 DIESELรุ่น ULTRA และ ULTRA 4WD ยังมีระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบอีกด้วย
•ความปลอดภัยที่อัดแน่นสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง: NEW GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับขี่ระดับ L2+ ที่รวมระบบ ACC, Lane Change Assist, Forward Collision Warning, Lane Keeping Assist, และ Intelligent Cruise Assist/Traffic Jam Assist ช่วยให้การขับขี่ในเมือง, ทางด่วน, และการจราจรติดขัดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเสริมด้วยระบบเตือนการชนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ RCTA + RCTB, MEB, กล้องรอบคัน 540 องศา, และเซนเซอร์ 12 จุด เพื่อเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ ด้านโครงสร้างตัวถังของ NEW GWM TANK 500 DIESEL ถูกออกแบบให้แข็งแกร่งและทนทาน สามารถทนต่อแรงยุบ แรงชน แรงบิด และแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยตัวถัง Cage-Type ผลิตจากเหล็กกล้าแรงดึงสูงพิเศษ รองรับแรงกดหลังคาได้ถึง 96.58 กิโลนิวตัน และแรงบิดสูงสุด 23,076 นิวตันเมตร พร้อมระบบปลดล็อกอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่มอบความปลอดภัยแบบครบวงจร เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง
ขุมพลังดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด เอกสิทธิ์เดียวจาก GWM ที่มาพร้อม 4 จุดเด่น ฉีกกฏเครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิมๆ
•แรง ประหยัด คุ้มค่า: ขุมพลัง 2.4T พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGT และหัวฉีดแรงดันสูง 2,000 บาร์ ให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ลดไอเสีย ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
•นิ่ง เงียบ นุ่มนวล: เทคโนโลยี NVH ลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม มีระดับเสียงในห้องเครื่องที่ idle time ต่ำกว่า 68 เดซิเบล
•ตอบสนองฉับไว: กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ ขับขี่คล่องตัวในเมือง และมั่นใจทุกเส้นทาง
•ทนทาน มั่นใจ: ผ่านการทดสอบสมรรถนะกว่า 6 ล้านกิโลเมตรทั่วโลก รับประกันเครื่องยนต์นานถึง 1 ล้านกิโลเมตร หรือ 8 ปี
NEW GWM TANK 500 DIESEL สีดำ Black Warrior อัศวินรัตติกาล หล่อ เข้ม ดุดัน ลึกลับ และสง่างาม
“สีดำ (Black Warrior)” มีให้เลือกเฉพาะใน NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA และรุ่น 2.4T ULTRA 4WD โดยถ่ายทอดอารมณ์ของความหล่อเข้ม ลึกลับ สง่างาม และทรงพลังได้อย่างมีเอกลักษณ์ ผ่านดีไซน์ภายนอกสีดำเงาเข้มขรึม กระจังหน้าสีดำพิเศษ ผสานกับล้ออัลลอยสีดำ และห้องโดยสารภายในโทนสีดำที่สะท้อนความพรีเมียมและความดุดันในทุกมุมมอง ความโดดเด่นของสีดำ (Black Warrior) ไม่ได้มีแค่รูปลักษณ์ที่ดูสง่างามและน่าเกรงขาม แต่ยังเสริมคาแรคเตอร์ให้รถดูนิ่ง สุขุม และทรงพลังในแบบที่แฝงความลึกลับไว้อย่างมีชั้นเชิง ยามโลดแล่นบนท้องถนนจะยิ่งเผยเสน่ห์เฉพาะตัวที่สะกดทุกสายตาได้อย่างไม่ค้านสายตา NEW GWM TANK 500 DIESEL สีดำ (Black Warrior) จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้นำหรือผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตที่มีบุคลิกชัดเจน ชอบความแตกต่างที่ไม่ตามใคร แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราในแบบพรีเมียม อัศวินรัตติกาลคันนี้พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มไปด้วยความภูมิฐาน นุ่มลึก และเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างแท้จริง
เหนือกว่าในทุกมิติ! สิ่งที่ NEW GWM TANK 500 DIESEL พัฒนาจากรุ่นไฮบริด
NEW GWM TANK 500 DIESEL ได้รับการพัฒนารุ่น 2WD โดยเฉพาะสำหรับตลาดไทย เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย ด้วยการปรับช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้ในประเทศ จึงมั่นใจได้ว่า NEW GWM TANK 500 DIESEL จะมอบความสะดวกสบายและการขับขี่ที่นุ่มนวลทั้งในเมืองและเส้นทางต่าง ๆ การออกแบบภายในห้องโดยสารยังคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสาร โดยเฉพาะในเบาะแถวที่ 2 ซึ่งได้รับการปรับปรุงการใส่วัสดุโฟมเพื่อเพิ่มความนุ่มสบายในการนั่ง ทำให้ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางได้ยาวนานโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้านอกจากนี้ ยังมีการย้ายตำแหน่งยางอะไหล่ไปไว้ที่ด้านใต้ตัวรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเปิดประตูหลังและการจอดรถในพื้นที่ที่จำกัด รวมถึงช่วยให้การจัดเก็บสัมภาระภายในรถมีความสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาทั้งด้านการออกแบบและฟังก์ชันการใช้งาน NEW GWM TANK 500 DIESEL จึงพร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน
ผู้สนใจสามารถสัมผัสและทดลองขับ NEW GWM TANK 500 DIESEL ได้ที่ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถลงทะเบียนจองเวลาทดลองขับได้ที่ https://mall.gwm.co.th/testDrive
เตรียมพบกับ NEW GWM TANK 500 DIESEL พร้อมเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมนี้ กับ 3 รุ่นย่อย: 2.4T PRO, 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD ที่จะยกระดับมาตรฐานรถยนต์ PPV พรีเมียมในไทยอย่างแท้จริง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GWM Application, www.gwm.co.th หรือ GWM Contact Center 02-668-8888
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ NEW GWM TANK 500 DIESEL
ขอความกรุณาท่านสื่อมวลชนเผยแพร่ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ NEW GWM TANK 500 DIESEL ในเอกสารนี้ได้ตั้งแต่ วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป
NEW GWM TANK 500 DIESEL
NEW GWM TANK 500 DIESEL รถยนต์ PPV ยุคใหม่ขุมพลังดีเซลระดับพรีเมียม ผนวกกับที่สุดของประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.) ที่สุดของความหรูหราตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน 2.) ที่สุดของความสบายเหนือระดับด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก 3.) ที่สุดของเทคโนโลยีอัจฉริยะ และ 4.) ที่สุดของความปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อธุรกิจ การเดินทางกับครอบครัว หรือทริปผจญภัย พร้อมนิยามมาตรฐานใหม่ของรถ PPV ระดับโลกอย่างแท้จริง
สิ่งที่ NEW GWM TANK 500 DIESEL มีการพัฒนาจากรุ่นไฮบริด
•พัฒนารุ่น 2WD สำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย
•ปรับช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนนเมืองไทย พฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย
•เพิ่มความสบายในเบาะแถว 2 โดยการปรับการใส่วัสดุโฟม เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายในการนั่งให้มากยิ่งขึ้น
•ย้ายตำแหน่งยางอะไหล่ ไปไว้ด้านใต้ตัวรถ เพื่อให้สะดวกกับการเปิดประตูหลังและการจอดในพื้นที่จำกัด
รุ่นและสีรถยนต์
•NEW GWM TANK 500 DIESEL สีขาว สีดำ และสีเทา มาพร้อม 3 รุ่น ได้แก่
oรุ่น NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T PRO
oรุ่น NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T ULTRA*
oรุ่น NEW GWM TANK 500 DIESEL 2.4T ULTRA 4WD*
* มาพร้อมรุ่นพิเศษ Black Warrior
•สีภายใน: สีดำ
สมรรถนะ NEW GWM TANK 500 DIESEL
•NEW GWM TANK 500 DIESEL ทั้ง 3 รุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) และเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร รองรับการเดินทางไกลด้วยระยะทางขับขี่รวมมากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง
•พร้อมเสริมประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบหัวฉีดคอมมอนเรลแรงดันสูง 2,000 บาร์, ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบปรับอัตราการไหล และระบบ EGR ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ลดมลพิษ และประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น
•ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในทุกสถานการณ์
•รองรับโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมด
oNEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T PRO และ 2.4T ULTRA มาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ต และโหมดประหยัด
oNEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD มาพร้อม 8 โหมดการขับขี่ ได้แก่
โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทางทั้งบนถนนและออฟโรดอย่างมั่นใจ
นอกจากนี้ รุ่น 2.4T ULTRA 4WD ยังยกระดับความคล่องตัวและความมั่นใจในการขับขี่ด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (Tank Turn), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับทางออฟโรด (Off-road Cruise Control) ระบบล็อกเฟืองด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Differential Lock)
แพลตฟอร์มของ NEW GWM TANK 500 DIESEL
•NEW GWM TANK 500 DIESEL พัฒนาบนโครงสร้างแชสซีแบบตัวถังวางบนเฟรม (Body-on-Frame) ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM TANK มอบความแข็งแกร่งเหนือระดับ พร้อมระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มม. รองรับทุกสภาพเส้นทาง พร้อมส่งมอบความมั่นใจในทุกการเดินทาง
•ในรุ่น 2.4T ULTRA 4WD มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ตไทม์ เสริมด้วยระบบล็อกเฟืองด้านหน้าและหลังควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มขีดความสามารถในการลุยเส้นทางทุรกันดารอย่างแท้จริง
•ด้านระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ (Double-Wishbone) มอบความแม่นยำในการควบคุมทิศทาง ส่วนด้านหลังใช้ช่วงล่างแบบมัลติลิงก์ ช่วยสร้างสมดุลระหว่างสมรรถนะการควบคุมและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างลงตัว
การออกแบบภายนอก (Exterior Design)
NEW GWM TANK 500 DIESEL รถยนต์อเนกประสงค์ PPV ระดับพรีเมียม ถ่ายทอดผ่านเส้นสายตัวถังที่แข็งแกร่งและทรงพลัง สื่อถึงความสง่างามและความภูมิฐาน
•มิติตัวถังขนาดใหญ่ กว้าง 1,934 มม. ยาว 4,886 มม. และสูง 1,905 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม.
•ไฟหน้าแบบ LED อัจฉริยะ มาพร้อมไฟส่องสว่างกลางวัน (Daytime Running Lights), ฟังก์ชัน “Follow-Me-Home” และระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยในการใช้งาน
•ล้ออัลลอยสีดำ
oในรุ่น 2.4T PRO ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Westlake ขนาด 265/60 R18 และยางอะไหล่
oในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20 และยางอะไหล่
การออกแบบภายใน (Interior Design)
การออกแบบภายในของห้องโดยสาร NEW GWM TANK 500 DIESEL โดดเด่นด้วยบรรยากาศอันโอ่อ่าและหรูหราภายใต้แนวคิด “ห้องโดยสารอัจฉริยะ” ผสานความล้ำสมัยเข้ากับความสบายอย่างลงตัว ด้วยวัสดุพรีเมียมและการออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางร่วมกับครอบครัว
•ทุกรุ่นย่อยของ NEW GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ดังนี้
oหน้าจอคู่ ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้ว ในรุ่น 2.4T PRO และขนาด 14.6 นิ้ว ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน การเล่นเพลง และแสดงผลแบบแยกหน้าจอได้
oระบบชาร์จไร้สาย 50W พร้อมพอร์ต Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง รองรับการชาร์จอุปกรณ์หลายชิ้นอย่างรวดเร็ว
oเบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างเดินทางไกล รองรับสรีระผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างลงตัว
oระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองอากาศ N95 เพื่อคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารที่ดีต่อสุขภาพ
oพื้นที่เก็บสัมภาระแบบยืดหยุ่น เบาะหลังพับได้แบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร
oแพดเดิลชิฟต์บนพวงมาลัย เพิ่มความคล่องตัวในการควบคุมเกียร์ รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย
•NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA เพิ่มอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
oตกแต่งด้วยหนัง Nappa ระดับพรีเมียม มาตรฐานเดียวกับรถยนต์หรู เพื่อความรู้สึกพรีเมียมทั้งภาพลักษณ์และการใช้งาน
oระบบเสียงรอบทิศทางแบบพื้นฐาน จำนวน 12 ลำโพง ให้คุณภาพเสียงเหนือระดับ เสริมอรรถรสในการขับขี่
oระบบบันทึกตำแหน่งพร้อมระบบ Welcome seat ฟังก์ชันปรับเบาะไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อม VIP สวิตช์ สำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้า ช่วยให้ง่ายต่อการขึ้น-ลงรถ
oระบบเบาะนวดไฟฟ้า สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ลดความเมื่อยล้าระหว่างการขับขี่ พร้อมยกระดับความสบาย
oหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เพิ่มแสงธรรมชาติและมุมมองอันกว้างขวาง สร้างบรรยากาศโปร่งโล่งสบายภายในห้องโดยสาร
•NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD เพิ่มอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
oระบบเบาะระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและแถวสอง เพื่อยกระดับความสบายของผู้โดยสารด้านหลังมากยิ่งขึ้น
ระบบอัจฉริยะใน NEW GWM TANK 500 DIESEL
NEW GWM TANK 500 DIESEL ทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมระบบอัจฉริยะที่ครอบคลุมทั้งด้านความบันเทิง ความปลอดภัย การขับขี่ และเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ อาทิ
•ระบบอัปเกรดเฟิร์มแวร์แบบ FOTA (Firmware Over-the-Air) รองรับการอัปเดตระบบเกียร์ อัตราเร่ง ระบบช่วยขับขี่ ความบันเทิง และการควบคุมภายในห้องโดยสารผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการ เช่น ปรับอัลกอริธึมโหมดออฟโรด และอัปเดตอินเทอร์เฟซของตัวรถ
•ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Interaction System) รองรับคำสั่งภาษาไทย และอังกฤษ สำหรับควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และความบันเทิง
•ระบบควบคุมรถจากระยะไกล (Remote Vehicle Control) ฟังก์ชันพื้นฐาน ได้แก่ สตาร์ทรถหรือดับเครื่อง จากระยะไกล, เปิด-ปิดแอร์, เปิด-ปิดประตู ปิดหน้าต่างและซันรูฟ, และตรวจสอบสถานะรถ เช่น แรงดันลมยาง และระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
•ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย (Security Features) ประกอบด้วยระบบติดตามตำแหน่งรถ, การตั้งขอบเขตพื้นที่การใช้งาน (E-Fencing), และระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ (เช่น เช็กสถานะการเปิดประตู หรือหน้าต่าง)
•ระบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้งาน (HMI Interaction)
oNEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA: จอคู่แบบอินเทอร์แอคทีฟ แสดงแผนที่แบบแบ่งหน้าจอ, การมิเรอร์สื่อมัลติมีเดีย, และข้อมูลโหมดออฟโรด
oNEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD: หน้าจอ UI พิเศษสำหรับออฟโรด แสดงค่าความลาดเอียงภูมิประเทศ สถานะการล็อกดิฟเฟอเรนเชียล และโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลุยเส้นทางสมบุกสมบัน
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยสำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+
•การขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ (Level L2+ Automated Driving) มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยเสริมความปลอดภัยและลดภาระผู้ขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์ ได้แก่
oระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full-speed Range ACC): รองรับความเร็ว 0–150 กม./ชม. คงระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่และเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน
oระบบช่วยเปลี่ยนเลน (LCA – Lane Change Assist): ตรวจจับรถที่อยู่ในจุดบอดของกระจกข้าง หรือรถที่วิ่งมาเร็วจากเลนข้างเคียง พร้อมแสดงไฟเตือนฝั่งที่มีความเสี่ยง เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากการเปลี่ยนเลน (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ ULTRA 4WD)
oระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW – Forward Collision Warning): ช่วยลดความเสี่ยงจากการเบรกไม่ทัน เพิ่มความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า
oระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA – Lane Keeping Assist): ช่วยปรับพวงมาลัยอัตโนมัติหากรถเบี่ยงออกนอกเลน เพื่อให้รถคงอยู่ในเส้นทางที่ปลอดภัย
oระบบควบคุมอัจฉริยะบนทางด่วน / ระบบช่วยในสภาพการจราจรติดขัด (HWA/TJA – Highway Assist / Traffic Jam Assist): ช่วยควบคุมรถทั้งในช่วงขับขี่ทางตรงยาวนานหรือในสภาพรถติด โดยรักษารถให้อยู่กลางเลน และตามความเร็วหรือระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างแม่นยำ ลดภาระผู้ขับขี่และเพิ่มความปลอดภัยบนทางด่วน
•ระบบความปลอดภัยเชิงรุก (Active Safety)
oLDW (Lane Departure Warning): ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยตรวจจับเส้นจราจรผ่านกล้องแบบเรียลไทม์ หากรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไป และเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะแจ้งเตือนผ่านเสียง ภาพ และการสั่นภายใน 0.5 วินาที
oHSA (Hill Start Assist): ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ป้องกันรถไหลถอยหลัง
oELK (Emergency Lane Keeping): ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีรถใกล้เคียงในระหว่างเปลี่ยนเลน เพื่อหลีกเลี่ยงการชน เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในเมือง
oRCTA (Rear Cross-Traffic Alert): ระบบเตือนรถสัญจรขณะถอยหลัง โดยตรวจจับรถที่เคลื่อนที่จากด้านข้าง (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)
oRCTB (Rear Cross-Traffic Braking): ระบบเบรกฉุกเฉินขณะถอยหลัง หากผู้ขับไม่ตอบสนองต่อการเตือน ระบบจะเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงในการชน (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)
oMEB (Mild Off-Road Braking): ระบบเบรกอัตโนมัติในความเร็วต่ำ (≤8 กม./ชม.) ขณะลุยทางออฟโรด หากตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านข้าง ระบบจะเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงการชน เหมาะกับสถานการณ์ลุยสุดขีด
oHDC (Hill Descent Control): ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ช่วยให้รถลงทางชันหรือพื้นที่ลื่นได้อย่างมั่นคง ลดภาระผู้ขับขี่
oEBD (Electronic Brake-force Distribution): ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบสภาพล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับแรงเบรกอย่างเหมาะสม เพิ่มความมั่นคงขณะเบรก
oBAS (Brake Assist System): ระบบเสริมแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน เพื่อลดระยะเบรกและลดความเสี่ยงจากการชน
oRMI (Roll Movement Intervention): ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ โดยตรวจสอบท่าทางของรถอย่างต่อเนื่อง และลดแรงบิดรวมถึงเบรกอัตโนมัติเพื่อรักษาสมดุล
oTCS (Traction Control System): ระบบควบคุมการลื่นไถลของล้อ โดยตรวจจับความเร็วของล้อขับเคลื่อน หากล้อหมุนฟรี ระบบจะปรับแรงบิดให้เหมาะสม เพื่อให้รถมีแรงยึดเกาะที่ดีขึ้น
oเซนเซอร์จอดด้านหน้า 6 จุด / ด้านหลัง 6 จุด : ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบคัน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ระหว่างจอดรถ (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)
oระบบกล้องมองภาพรอบคัน 540°: ความละเอียดระดับเมกะพิกเซล แสดงภาพรอบคันแบบเรียลไทม์ เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่และจอดรถ
oTPMS (Tire Pressure Monitoring System): ระบบตรวจสอบแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์ แสดงข้อมูลแรงดันและอุณหภูมิของยางแต่ละเส้น พร้อมแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ
•ระบบความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety)
oโครงสร้างตัวถังออกแบบในรูปแบบโครงนิรภัย (Cage-Type) เพื่อสร้างช่องทางการถ่ายเทแรงกระแทกรอบทิศทาง ช่วยกระจายแรงปะทะได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริเวณโครงสร้างรับแรงหลักใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูงพิเศษ (Ultra-High Strength Steel) ที่มีค่าความเค้นสูงสุด (Yield Strength) เกิน 1,500 MPa เพื่อลดการยุบตัวของหลังคาในกรณีเกิดแรงกระแทก
oโครงสร้างหลังคาสามารถรองรับแรงกดได้สูงถึง 96.58 กิโลนิวตัน ขณะที่ตัวถังมีความแข็งแรงต่อแรงบิด (Torsional Stiffness) สูงถึง 23,076 นิวตันเมตร และความแข็งแรงต่อการดัดงอ (Bending Stiffness) 5,602 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถทนต่อแรงกดบนหลังคาได้มากกว่ามาตรฐานถึง 4 เท่า
oแชสซีแบบตัวถังบนเฟรมที่ใช้เหล็กกล้าแรงสูงเป็นพิเศษ ช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารขณะเกิดการชน เสริมความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้โดยสาร
oคอพวงมาลัยแบบยุบตัวดูดซับแรงกระแทกได้ (Crushable Energy-Absorbing Steering Column) ช่วยลดแรงที่ส่งถึงคนขับเมื่อเกิดการชน ปกป้องความปลอดภัยของผู้ขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ
oมาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย) โดยม่านนิรภัยใช้กระบวนการขึ้นรูปแบบ OPW (One-Piece Woven) เพื่อรักษาความดันลมอย่างมั่นคงและเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้อง
oเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 1 จุด (Dual Pretensioners) ช่วยรัดบริเวณเชิงกรานและหน้าอกของผู้โดยสารทันทีในช่วงเริ่มต้นของการชน ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ
oฟังก์ชันปลดล็อกประตูอัตโนมัติและตัดระบบจ่ายน้ำมันเมื่อเกิดการชน: รถจะทำการปลดล็อกประตูโดยอัตโนมัติ เปิดไฟฉุกเฉินและไฟเบรก พร้อมตัดวงจรปั๊มน้ำมันทันที เพื่อหยุดการทำงานของเครื่องยนต์และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน